CEN รุกเดินหน้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนหลังมองเห็นลู่ทางอนาคตที่ยังสดใส
วุฒิชัย ลีนะบรรจง ระบุจะเป็นการสร้างฐานรายได้ใหม่อีกช่องทางหนึ่ง
ที่ผลักดันผลประกอบการของบริษัทให้ขยายตัวได้อย่างมั่นคง
ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดเซ็น MOU ร่วมกับ NORINCO
ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 9.9
เมกะวัตต์ ที่ใช้เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง
เผยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท
โดยมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการและจากสถาบันการเงิน
พร้อมคาดระยะเวลาคืนทุนประมาณ 3-5 ปี ส่วนผลประกอบการปีนี้มั่นใจเติบโตไม่ต่ำกว่า
15% จากปีก่อน
นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) (CEN)
เปิดเผยว่าบริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ หรือ Memorandum of Understanding
(MOU) เกี่ยวกับโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 9.9 MW ร่วมกับ NORINCO
International Cooperation ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน
ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการดำเนินกิจการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น ถนน
สะพานขนาดใหญ่และก่อสร้างโรงไฟฟ้า เช่น เขื่อนผลิตไฟฟ้าในต่างประเทศ
ในรายละเอียดของ MOU ระบุว่า CEN จะเป็นผู้ดำเนินการในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล
ที่ใช้เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง
เพื่อผลิตไฟฟ้าขายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต่อไป โดยจะมีการใช้ที่ดินของ CEN
เองที่มีอยู่ในหลายจังหวัด เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าว
ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
รวมถึงการยื่นขออนุญาตต่างๆ ซึ่ง NORINCO International Cooperation
จะเป็นผู้จัดหาเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้โครงการดังกล่าวบรรลุผลได้เป็นอย่างดี
คณะผู้บริหารของ CEN มองเห็นว่าธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนใน
ระดับที่น่าพอใจมาก ทั้งยังจะเป็นการสร้างฐานรายได้ใหม่ให้กับบริษัท
ซึ่งเป็นฐานรายได้ที่มีความมั่นคงอย่างสม่ำเสมอและจะเป็นผลักดันให้ผลประกอบ การของ
CEN ในอนาคตเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกด้วย สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้
คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในเบื้องต้นประมาณ 600 ล้านบาท
โดยจะนำมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการและมาจากการสถาบันการเงินอีกส่วน หนึ่ง
โดยใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปี และคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายในเวลา 3-5 ปี
ความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยยังมีอีกเป็นจำนวนมาก โดยจะเห็นได้จาก
"สถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือ พีค (Peak Load)
ของประเทศที่ทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการขยายกลุ่มธุรกิจพลังงานของ CEN
ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นเชื้อ เพลิง
และใน อนาคตจะนำขยะมาคัดแยกและแปรรูปเป็นขยะเชื้อเพลิง หรือ Reduce Derived Fuel
(RDF) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมาจากเกาหลี มาเป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้ชีวมวล
จะเป็นรากฐานในการผลักดันให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วยความมั่นคง
และแข็งแกร่ง
เขากล่าวต่อในช่วงท้ายว่าการที่ CEN ได้ร่วมงานกับ NORINCO International
Cooperation ที่พร้อมทั้งทางด้านเงินลงทุน เทคโนโลยี
และประสบการณ์การทำงานมาแล้วทั่วโลก
ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลดังกล่าวจะเป็นก้าวแรกของความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัท
และในอนาคตก็อาจจะได้มีโอกาสร่วมงานกันอีกเกี่ยวกับธุรกิจทางด้านพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็น
Wind Turbine หรือ Solar Cell ที่บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯ
ในเครือของ CEN กำลังศึกษาเพิ่มเติมอยู่ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ
ทั้งโครงการในประเทศไทยและในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่นประเทศลาว กัมพูชา พม่า
และเวียดนาม
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของ CEN ในปีนี้ยังมั่นใจ จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท
โดยได้รับแรงหนุนจากบริษัทในเครือทั้ง 3 แห่ง คือ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน)
(UWC) บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (RWI) และบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด (ENS)
ซึ่งมีผลประกอบการที่ดีขึ้น
จากการบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาดที่มีประสิทธิภาพ